ดูหนัง : รีวิว หนังรักเติมพลังใจส่งท้ายปี Last Christmas
คำว่า Last Christmas หลายคนคงจะนึกไปถึงเพลงอันแสนโด่งดังที่มักจะถูกเปิดขึ้นมาทุกครั้งเมื่อเทศกาลแห่งความสุขนี้เวียนมาบรรจบอีกครั้ง เพลงที่ขับร้องโดยวงดนตรี Wham! และมันได้ถูกนำมาตีความหมายใหม่จนกลายเป็นภาพยนตร์เรื่อง Last Christmas ภาพยนตร์ที่จ่าหน้าว่าเป็นภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้ ที่ดึงเอาทั้งเอมิเลีย คลาร์ก จาก Me Before You, เฮนรี โกลด์ดิ้ง จาก Crazy Rich Asians, มิเชล โหย่ว และเอมม่า ทอมป์สันมาร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน และเราขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่าหนังเรื่องนี้หลอกเราเสียอยู่หมัด เพราะนี่ไม่ใช่ภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้เสียทีเดียว แต่ใจความหลักของเรื่องเป็นการก้าวผ่านวัย เพื่อเติบโตไปอีกขั้น หรือแนว Coming of Age
Last Christmas เป็นเรื่องราวของ เคท หญิงสาวผู้มีอาชีพเป็นพนักงานร้านขายของวันคริสต์มาส ที่มีเจ้าของเป็นหญิงชาวจีนที่ใช้ชื่อว่า ซานต้า เธอมีความฝันที่จะเป็นนักร้องและยังคงไปออดิชั่นอยู่เสมอ ๆ แต่เธอก็ไม่ได้สมหวังดั่งใจ แถมชีวิตครอบครัว ชีวิตรัก ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนก็ดิ่งลงเหวชนิดที่เธอเดินไปถึงจุดที่ไม่สนใจใยดีอะไรกับสิ่งใด ๆ รอบตัวอีกแล้ว แต่ตอนนั้น ทอม เว็บส์เตอร์ ชายหนุ่มรูปงามก็ได้ก้าวเข้ามาในชีวิตของเคท
เขาพาเธอไปเดินเล่นและคอยชี้ชวนให้เธอมองขึ้นไปข้างบนเสมอ ๆ ทั้งคู่ดูจะมีเคมีที่เข้ากันได้ดี แต่ติดอยู่อย่างเดียวที่ทอมมักจะไป ๆ มา ๆ แถมยังไม่มีโทรศัพท์ติดตัวอีกต่างหาก ถึงจะเป็นอย่างนั้นพ่อหนุ่มคนนี้ก็ดูเหมือนจะมาปรากฎตัวได้ถูกที่ถูกเวลาเสมอ เขาปรากฎตัวมาเยียวยาจิตใจของเคทได้ทุกครั้ง จนถึงจุดที่เคทเริ่มอยากจะเห็นตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้นและตัดสินใจเปิดใจคบกับทอมเสียที ตอนนั้นเธอจึงได้รู้ความจริงที่ได้เปลี่ยนชีวิตของเธอจนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
อ่านเรื่องย่อข้างต้นแล้วดูเป็นหนังรอมคอมสำเร็จรูปที่จะต้องมาเรียกน้ำตา แถมยังดูออกจะน้ำเน่าหน่อย ๆ แล้วมันจะไปเป็นหนัง Coming of Age ได้ยังไง?? พวกคุณคงคิดประมาณนี้ใช่ไหม? แต่ขอบอกเลยว่านี่เป็นภาพยนตร์ที่เหมาะสมจะรับชมในช่วงวันหยุดเทศกาลพร้อมกับครอบครัวจริง ๆ เรื่องราวของคน ๆ หนึ่งที่สูญเสียตัวตน พยายามค้นหาความหมายของชีวิต ต้องเผชิญหน้ากับความผิดพลาดที่ตัวเองก่อ และค่อย ๆ ประกอบชิ้นส่วนทั้งหมดขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งชีวิต, การงาน, ความรัก, ครอบครัว และตัวตน โดยมีที่พึ่งทางใจคอยอยู่ข้าง ๆ และคน ๆ นั้นก็คือพ่อหนุ่มทอมคนนี้นั่นเอง
สิ่งหนึ่งที่หนังพยายามหลอกล่อเราตลอดทั้งเรื่องเลยก็คือ ตัวตนของทอม เว็บสเตอร์ นี่ล่ะ หนังชี้ชวนเราให้เดาไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าเขาเป็นใครกันแน่? เขาเป็นลูกชายของซานต้าที่ถูกส่งมาเพราะเป็นห่วงเธอในฐานะลูกน้อง หรือจริง ๆ แล้วเขานี่ล่ะซานตาคลอสตัวจริงที่มาช่วยชีวิตเคท หรือเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปที่บังเอิญสมบูรณ์แบบ หรือเขาไม่มีตัวตนอยู่จริง ๆ นับเป็นหนึ่งในปริศนาที่ภาพยนตร์ทิ้งเอาไว้ให้เราคาใจไปพร้อม ๆ กับเสน่ห์ของเฮนรี โกลด์ดิ้ง และเรื่องราวบันเทิงอันแสนน่ารักตลอดทั้งเรื่อง
ในส่วนของการแสดงคงเป็นเรื่องที่จะหลงลืมไปไม่ได้เลย เอมิเลีย คลาร์ก เปล่งประกาย โปรยเสน่ห์ความน่ารักให้อบอวลไปทั่วทั้งเรื่อง เราจะได้เห็นความโก๊ะกังของเธอที่ทำตัวเปิ่น ๆ เด๋อ ๆ แต่น่ารักน่าหยิก เคมีของเธอกับมิเชล โหย่วเองก็ลงตัวเสียเหลือเกิน หลายฉากที่สองคนนี้เข้าคู่กันต้องขอบอกเลยว่าเป็นการเรียกเสียงฮาได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ แถมตัวเอ็มม่า ทอมป์สัน ที่มารับบท เพตรา แม่ผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าของเคท เธอก็เล่นได้สมตัว และช่วยขับประเด็นย่อยของเรื่องได้หนักแน่นมากกว่าเดิม
นอกจากเราจะได้เห็นตัวละคร เคท เติบโตไปตลอดทั้งเรื่องแล้ว อีกหนึ่งประเด็นที่หนังใส่เข้ามาได้อย่างร่วมสมัยกับสภาพสังคมประเทศอังกฤษในปัจจุบัน นั่นคือ ประเด็นปัญหาของผู้อพยพ และ Brexit ซึ่งตัวละครนำทั้งเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้ล้วนเป็นกลุ่มคนที่ถูกผลักให้เป็นชายขอบของสังคมทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวผู้อพยพ, กลุ่มคนรักร่วมเพศ, ชาวเอเชียที่มาลงหลักปักฐานในอังกฤษ หรือกลุ่มคนไร้บ้าน ทั้งหมดนั่นทำให้นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่หนังรอมคอมดาษ ๆ ทั่วไป แต่กลายเป็นหนังที่มีประเด็นทางสังคมและนำเสนอความเท่าเทียมออกมาได้อย่างแนบเนียน
แน่นอนว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์สำหรับเทศกาลคริสต์มาส ดังนั้นมันจึงทำหน้าที่เป็นภาพยนตร์อันแสนอบอุ่น ชวนสร้างรอยยิ้ม พร้อมกับบทสรุปอันแสนอบอุ่นหัวใจ และช่วยเตือนสติเราได้พอสมควร เหมาะกับเทศกาลแห่งความสุขที่ครอบครัวมักจะกลับมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เฉลิมฉลอง เพื่อเตรียมตัวที่จะก้าวต่อไปในปีข้างหน้าที่จะมาถึง เป็นตัวเองและหมั่นมองไปข้างบนเสมอ
บันเทิงต่อที่นี่ >> ดูหนัง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น